สโลวีเนีย โดยมีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสโลวีเนีย ซึ่งสโลวีเนียเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย แม้หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ประเทศนี้ก็เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ของบ้านเมือง ทั้งแบบธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมอันเป็นศิลปะ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาชมความสวยงามของ สโลวีเนีย แห่งนี้
ลักษณะภูมิประเทศ
ประเทศสโลวีเนีย มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐ เป็นประเทศที่อยู่บนชายฝั่งทางใต้ของเทือกเขาแอลป์ ในยุโรปกลางตอนใต้ มีอาณาเขตทางตะวันตกเฉียงใต้จรดทะเลเอเดรียติก ทางตะวันตกจรดอิตาลี ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดฮังการี และทางเหนือจรดออสเตรีย ทางใต้และตะวันออกจรดโครเอเชีย มีชายแดนติดกับประเทศออสเตรีย โครเอเชีย ฮังการี และอิตาลี
ซึ่งประเทศสโลวีเนียเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย จนกระทั่งได้รับเอกราชเมื่อพ.ศ. 2534 จากนั้นได้เข้าร่วมกับการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ที่นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกของคณะมนตรียุโรป นาโต และเป็นผู้สังเกตการณ์ในองค์กรภาษาฝรั่งเศส อีกด้วย
นอกจากนี้ สโลวีเนีย ยังมีริ้วชายหาดสั้นๆในส่วนที่ติดกับทะเลอะเดรียติค และมีเทือกเขาแอลป์ทอดยาวเป็นตัวแบ่งเขตตั้งแต่ประเทศออสเตรียไปจนถึงอิตาลี โดยประเทศนี้จะมีเทือกเขาสลับกับหุบเขาและแม่น้ำหลายสายในแถบด้านตะวันออก โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 20,273 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสโลวีเนียเป็นประเทศขนาดเล็กในยุโรป มีประชากร 2 ล้านคนพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง ประกอบไปด้วยเทือกเขา Julian Alps, Kamiska Savinja Alps และ Karavenka mountains โดยมียอดเขาสูงสุดที่เขาจูเลียนแอลป์ คือ ยอดเขา Tiglav ประเทศสโลวีเนียมีชายฝั่งทะเลแคบๆ ที่เมือง 3 เมืองคือ Koper, Pontoroz และ Piran
การแบ่งเขตการปกครอง
สโลวีเนียมีการปกครองด้วยระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยแบบรัฐสภาโดยประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐ มีการปกครองแบบระบบสองสภา คือ วุฒิสภา คอยทำหน้าที่นิติบัญญัติ มี 40 ที่นั่ง และมาจากการเลือกตั้งโดยตรง 22 ที่นั่ง มาจากตัวแทนกลุ่มทางสังคม เศรษฐกิจและสาขาอาชีพต่างๆ อีก18 ที่นั่ง โดยมีวาระ 5 ปี และ สภาผู้แทนราษฎร มีทั้งหมด 90 ที่นั่ง มาจากระบบสัดส่วน 50 ที่นั่ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง 38 ที่นั่ง และมาจากผู้แทนชนกลุ่มน้อยชาวฮังกาเรียนและอิตาเลียน 2 ที่นั่ง โดยมีวาระ 4 ปี
สโลวรเนีย มีเมืองหลวงคือ กรุงลุบลิยานา มีการแบ่งเขตการปกครอง มีการแบ่งเป็น 182 เขตเทศบาล และ 11 หัวเมืองเทศบาล
ประชากรและวัฒนธรรม
ประเทศสโลวีเนีย มีจำนวนประชากรกว่า 2,0 ล้านคน ถือสัญชาติ สโลวีเนีย และส่วนใหญ่มีเชื้อชาติ สโลวีเนีย รองลงมาคือ เซอร์เบีย ,โครเอเชีย , บอสเนีย และอื่นๆ ชาวสโลวีเนี่ยนส่วนใหญ่นับถือศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก, มุสลิม ,คริสต์นิกายออร์เทอร์ด็อกซ์ , คริสต์นิกายอื่นๆ ส่วนภาษาที่ใช้คือ สโลวีเนีย , เซอร์เบีย-โครเอเชีย , และอื่นๆ
สภาพภูมิอากาศของสโลวีเนีย
สโลวีเนียมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนตรงแถบชายหาด โดยในช่วงฤดูร้อน จะมีอากาศอบอุ่นไปจนถึงร้อน และฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวจัดในในแถบที่ราบสูง และหุบเขาทางตะวันออกและมีอากาศแบบทางยุโรป
โซนเวลาของสโลวีเนีย
ประเทศสโลวีเนียใช้เวลามาตรฐาน +1 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ใช้ปรับตามฤดูกาลคือ +1 ชั่วโมง แต่จะชดเชยเวลาตามเขตแบ่งเวลาปัจจุบัน+2 ชั่วโมง ซึ่งการปรับเวลาไปตามฤดูกาลนั้น ประเทศสโลวีเนีย จะเริ่มปรับเวลาขึ้นในวันอาทิตย์สิ้นเดือน ของเดือนมีนาคม ในช่วงเวลา 02:00 น. ซึ่งเป็นเวลามาตรฐานท้องถิ่นและนาฬิกาจะถูกปรับเลื่อนไปข้างหน้า 1ชั่วโมงสำหรับเวลา 03:00 น. จากนั้นกำหนดการในการปรับ จะสิ้นสุดลงตามฤดูกาล
ในวันอาทิตย์สิ้นเดือนของเดือนตุลาคม ช่วงเวลา 03:00น. เป็นวันที่สิ้นสุดการปรับเวลาลงซึ่งตรงกับเวลากลางวันท้องถิ่น นาฬิกาจะถูกปรับไปข้างหลัง 1 ชั่วโมงสำหรับเวลา 02:00 น. หากเทียบระยะเวลาที่แตกต่างจากประเทศไทย สโลวีเนียจะใช้เวลาในการเดินช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 5 ชั่วโมง
ค่าเงินที่ใช้ในสโลวีเนีย
สกุลเงินที่ใช้ในประเทศ สโลวีเนีย ซึ่งได้เปลี่ยนจากสกุลเงินโทลาร์ มาใช้เงินยูโร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 ซึ่ง1 ยูโร เท่ากับ 35.20 บาท ควรเช็คการแลกเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะการขึ้นลงของสกุลเงินต่างๆ จะไม่เท่ากันในแต่ละวัน และในพื้นที่บางแห่ง อาจยังรับเงินสกุลเดิม เพราะร้านค้าตามพื้นที่นอกเมืองส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรับเงินยูโร ซึ่งสามารถหาแลกได้ตามท้องถิ่นนั้นๆ
ระบบไฟฟ้าในประเทศสโลวีเนีย
ระบบการใช้กระแสไฟฟ้า ของประเทศ สโลวีเนีย คือ 230 โวลต์ 50 Hz มักเป็น 2 ขากลมแบบยุโรที่เป็นมาตรฐาน บางแห่งเป็นเบ้าลึกลงไป ส่วนใครที่ใช้กล้องถ่ายรูปแบบ และ โทรศัพท์มือถือ ที่ต้องเสียบปลั๊กควรตรวจสอบว่าที่ชาร์จไฟมีขาแบบใด หรืออาจเตรียมแอดปเตอร์สำหรับปลั๊กไฟไปด้วย
การใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยว
หากคุณต้องการให้คนที่อยู่เมืองไทยติดต่อมาที่สโลวีเนีย จะต้องกดรหัส+386 ซึ่งเป็นรหัสโทรศัพท์ของประเทศ สโลวีเนีย ส่วนถ้าจะโทรกลับเมืองไทย คุณสามารถโทรโดยใช้บัตรโทรศัพท์ หรือ โทรจากโรงแรมที่คุณท่านไปพักก็ได้เช่นกัน
หากไม่ต้องการสมัครแพ็คเก็จลองใช้อินเทอร์เน็ต ที่ผ่านไวไฟ ของโรงแรมฟรีก็ได้
เครือข่ายโทรศัพท์มือถือใช้ความถี่ที่ยุโรป คือ 900 และ 1800 MHz โดยให้บริการ 3 เครือข่าย คือ สโลวีเนีย Mobitel Tusmobilและ Simobil ส่วนใครที่อยากจะซื้อซิมการ์ด สามารถซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต ,ที่ทำการไปรษณีย์และสถานีบริการน้ำมัน สำหรับ WiFi ส่วนใหญ่จะมีบริการฟรีตามเมืองใหญ่ เช่นที่ลูบลิยานา มีอินเตอร์เน็ตไร้สายฟรี ทั่วทั้งเมือง แต่อาจจะมีเสียค่าบริการในร้านกาแฟและบาร์ ส่วนในโรงแรมนั้นอาจจะปล่อยไวไฟฟรีที่ล็อบบี้ก็ได้ ซึ่งร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในประเทศสโลวีเนียนั้นมีให้บริการไม่มากนัก
สินค้าและของฝากจากสโลวีเนีย
นักท่องเที่ยวที่มาเยียนเยียนดินแดนแห่ความสวยงาม ของสโลวาเนียแห่งนี้ สามารถเลือกสินค้าที่ระลึกตามร้านค้า ชุมชน หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ ส่วนใหญ่จะเป็นหัตถกรรมพื้นบ้าน อย่างผ้าคลุมเตียงที่ปักด้วยโครเชต์ ,งานผ้าลูกไม้ ,งานปั้นดินเผา ,เซรามิค พวกเครื่องถ้วยชาม, เกลือ,ช็อกโกแลต ,เครื่องสำอางที่ทำมาจากโคลนน้ำพุร้อน ,เครื่องแก้ว ที่มีสีสันสวยงามแบบต่างๆ และ ไวน์ขาวสโลวีเนียที่ทำจากผลไม้ต่างๆ ฯลฯ
อาหารที่ขึ้นชื่อของสโลวีเนีย
อาหารของสโลวีเนี่ยน ที่แม้จะไม่ขึ้นชื่อมากมาย แต่ก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสเมืองมหาเสน่ห์ แห่งนี้ อยากจะลิ้มลองอาหาร แขนมหวาน และไวน์ชั้นเลิศ
Kranjskaklobasa
ครานจ์สกา โกลบาซา Kranjskaklobasa ถือเป็นอาหารของสโลวีเนียที่เป็นเมนูเด็ด เพราะจานนี้ คือ ไส้กรอกหมู เบคอน ที่นำมาผสมกับเกลือ พริกไทย กระเทียม และน้ำ
Buckwheat pocket
Buckwheat pocket เป็นขนมปังที่ทำจากแป้งบัควีทราดด้วย ชีสและครีมที่มีรสเปรี้ยว
Bled cream cake
Bled cream cake เป็นขนมที่มีตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นขนมพื้นบ้านที่มีชื่อของเมือง Bled อีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสโลวีเนีย
สโลวีเนีย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย ทั้งทางสถาปัตยกรรม ที่บางแห่งเป็นซากอารยธรรมโบราณที่ผ่านสมรภูมิรบ แต่ก็ได้มีการบุรณะบางส่วน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจและรำลึกถึงนักรบผู้กล้าที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสัมผัสกันมากมาย ทั้งเที่ยวสไตล์ธรรมชาติ หรือชื่นชมความงามทางสถาปัตยกรรม
ถ้ำโพสทอยน่า
ถ้ำโพสทอยน่า ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเมืองโพสทอยน่า และยังเป็นถ้ำสวยที่สุดในยุโรปแห่งหนึ่ง โดยมีอายุเก่าแก่กว่า2 ล้านปี ภายในถ้ำมีความยาวถึง 20 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่เปิดให้บริการมากว่า188 ซึ่งแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 31 ล้านคน นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมถ้ำ โดยขบวนรถรางไฟฟ้าที่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามมาก และอุณหภูมิภายในถ้ำโดยเฉลี่ย 8-10 องศาเซลเซียส
หมู่บ้านวิโคลิเนค
Vlkol?nec หมู่บ้านวิโคลิเนค ตั้งอยู่ใจกลางประเทศสโลวาเกีย มีลักษณะเป็นชุมชน ประกอบด้วยอาคาร 45 หลัง ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1993 จากองค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมในภูมิภาคยุโรปกลาง ที่ยังคงมีความสมบูรณ์มากที่สุด ภายในหมู่บ้าน ประกอบด้วยบ้านไม้ซุงแบบท้องถิ่น และบริเวณรอบๆหมู่บ้านยังมีโบสถ์บาร็อคที่ได้รับการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดี และเป็นที่ตั้งของหอระฆังไม้จากศตวรรษที่ 18 รวมถึงพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องไม้ หรือเครื่องมือที่ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยังมีความเก่าแก่ของประติมากรรมแกะสลักไม้ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้
Piran Town Wall
กำแพงเมืองโบราณ ถูกสร้างเพื่อป้องกันเมือง มี 3 จุด และแบ่งเมืองออกเป็น 4 ถนนคือ Miljska, Stolna, Osrednja และ Poljska กำแพงแรกอยู่กลางเมืองในเขตเมืองเก่า ต่อมาสร้างเพิ่มอีกสองกำแพงมาทางรอบนอกทางทิศตะวันตกจรดตะวันออกเฉียงใต้ บางส่วนของกำแพงได้ถล่มไป แต่ก็ยังคงเหลือซากและร่องรอยให้เห็นอยู่มาก หากเดินขึ้นไปบนกำแพงส่วนรอบนอกของเมือง จะกลายเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเมืองปิรานที่สวยงามมาก
ที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองลูเบียน่า
นักท่องเที่ยวและชาวเมืองนิยมนั่งเรือแล่นชมวิวทิวทัศน์ ในแม่น้ำ Ljubljanica ที่ไหลผ่านตอนกลางเมืองลูเบียน่า และสามารถเที่ยวชม Ljubljana Castle ปราสาทลูเบียน่า ซึ่งเป็นปราสาทที่อยู่บนยอดเขาเล็กๆ สามารถขึ้นรถลากขึ้นไปได้ อยู่ใจกลางเมืองลูเบียน่า
สะพานรูปมังกร
สัญลักษณ์ของเมืองลูเบียน่า คือ Ljubljana Dragon หรือ มังกร เป็นสะพานมังกร ซึ่งการสร้างมังกรขึ้นมาก็เพื่อที่จะ บอกเล่าที่มาของมังกรแห่งเมืองลูเบียน่าว่า มังกรก็คือ Saint George หรือนักรบกรีกผู้กล้าในตำนานกรีก มีรูปปั้นอยู่ที่ปราสาทลูเบียน่าด้วย มังกรคือตัวแทนของพลัง ความกล้าหาญ และความยิ่งใหญ่
Tivoli park และ Ljubljana Botanic Garden Arboretum
Tivoli park และ Ljubljana Botanic Garden Arboretum เหมาะสำหรับคนชอบดูดอกไม้และชมธรรมชาติ ที่นี่ตั้งอยู่นอกเขตชานเมืองลูเบียน่า เป็นสวนสวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ฤดูใบไม้ผลิ เมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม มีการแสดงสวนดอกทิวลิป มากมาย ไม่แพ้สวนทิวลิป Keukenhof ที่เนเธอร์แลนด์ ทีเดียว
Brda แหล่งผลิตไวน์ดังของสโลวีเนีย
Brda เป็นอีกเมืองหนึ่งของประเทศสโลวีเนีย อยู่ทางฝั่งตะวันตกติดกับประเทศอิตาลี ที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุด เนื่องจาสภาพภมิประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาเล็กๆ มีดินดี น้ำดี และได้รับอิทธิพลจากลักษณะอากาศแบบเมติเตอร์เรเนียน ด้วยการโอบล้อมด้วยหุบเขาซึ่งป้องกันลมพายุโบร่าได้เป็นอย่างดี และนอกจากการปลูกองุ่นเพื่อนำมาผลิตเป็นไวน์แล้ว Brda ยังมีชื่อเสียงเป็นแหล่งปลูกผลไม้หลักของสโลวีเนีย เช่น เชอร์รี่( เชอร์รี่ที่ Brda มีรสชาดอร่อยที่สุดในโลก) แอปปริคอต พลัม แพร์ ฟิก และยังมีต้นมะกอก สำหรับผลิตน้ำมันมะกอกอีกด้วย
ไวน์ที่ผลิตที่ Brda ส่วนใหญ่เป็นไวน์ขาว ซึ่งที่ Wine cellar เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของสโลวีเนีย นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อและชิมไวน์ได้ในราคาไม่แพง หรือจะซื้อไปเป็นของขวัญของฝากเพื่อนฝูงหรือเอาไว้ดื่มเองก็ได้ หากมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ วิวสองข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้ผลิสวยๆ อย่างดอกนาร์ซีสซัส ,ดอกโครคัส, ดอก Spring Snowflake ดอกป็อปปี้ ดอกเชอร์รี่หรือดอกซากุระของญี่ปุ่น ทั้งสีขาว และสีชมพู ดอกแอปเปิ้ล ดอก Peach ดอกไม้จะบานในฤดูดอกไม้ผลิ และจะเริ่มร่วงโรยในช่วงฤดูร้อนและเปลี่ยนไปเป็นผลไม้ตามมา ช่วงประมาณเดือน กันยายน ถึง เดือนตุลาคม ชาวไร่องุ่นก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตองุ่นเอาไปผลิตทำไวน์ บางไร่ก็จะอนุญาตให้คนภายนอกเข้าไปดูและช่วยเก็บด้วย
เมือง Bled ทะเลสาบและเกาะกลางน้ำ
เมือง Bled เมืองแห่งปราสาท(โบสถ์) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบ ที่แสนจะโรแมนติก อยู่ท่ามกลางหุบเขาจูเลียนแอลป์ ประเทศสโลวีเนีย ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาสโลวีเนีย ต้องไม่พลาดไปชมสถานที่แห่งนี้ เพราะทะเลสาบเบลดเกิดจากการละลายตัวของธารน้ำแข็ง ของภูเขาจูเลียนแอลป์ รวมถึงแหล่งน้ำธรรมชาติจากใต้ดิน จนเกิดเป็นทะเลสาบกว้าง 1380 เมตร ยาว 2120 เมตรและลึก 30 เมตร จุดเด่นและความสวยงามของทะเลสาบเบลด คือมีเกาะอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์พระแม่มารีย์ของเหล่านักแสวงบุญ โดยผู้มาเยือนสามารถเข้าชมโบสถ์และหอคอยกลางทะเลสาบเบลดได้ ด้วยการว่าจ้างเรือไม้โบราณ จากท่าเรือจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 99 ขั้น ซึ่งที่นี่มีประเพณีท้องถิ่นสโลวีเนี่ยน เชื่อกันว่าคู่สมรสใหม่ให้ฝ่ายชายอุ้มฝ่ายหญิงปีนบันได 99 ขั้นนี้ และฝ่ายหญิงจะต้องไม่ส่งเสียงดังใดๆ จะทำให้ชีวิตสมรสจะรักกันยืนยาว ส่วนที่โบสถ์กลางน้ำยังมีกระดิ่งที่เชื่อกันว่าใครได้ไปสั่นแล้วจะโชคดี
เมืองแห่งสองประเทศ เมือง Gorizia
เมืองกอริเซีย ถือเป็นเมืองที่อยู่เหนือทรีเอสเต้ทางทิศตะวันตก และตั้งอยู่ติดพรมแดนอิตาลีและสโลวีเนีย ครั้งหนึ่งกอริเซีย เคยเป็นเมืองสำคัญของจักรวรรดิ์ ออสเตรีย และฮังการี จากนั้นเมืองจักรวรรดิ์ก็ล่มสลายไป ในอดีตกอริเซียเป็นสมรภูมิรบที่สำคัญในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจะเห็นได้จากรอบๆ ตามเนินเขาเขตเมืองนี้ จะพบเห็นอนุสาวรีย์หรืออนุสรณ์สถาน ที่แสดงถึงจุดสู้รบและ เหล่าทหารหาญได้สังเวยชีวิตเพื่อประเทศชาติ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมืองกอริเซียถูกตัดแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศอิตาลีเรียกว่า Gorizia อีกส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศยูโกสลาเวียในสมัยนั้น แต่ ณ ปัจจุบันคือประเทศสโลวีเนีย เรียกว่าเมือง Nova Gorica ซึ่งเมืองกอริเซียอยู่ท่ามกลางหุบเขาเตี้ยๆ และรายล้อมไปด้วยเนินเขาใหญ่ ที่มีดินดี และอากาศที่เหมาะสม และใกล้ทะเล ที่สำคัญมีชื่อเสียงเป็นแหล่งผลิตองุ่นพันธ์ดี และผลิตไวน์สำคัญของอิตาลี
เมือง Piran เมืองโบราณติดทะเล ของสโลวีเนีย
Piran เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในคาบสมุทร Istria ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองติดทะเล ของประเทศสโลวีเนีย ที่มีแนวชายฝั่งทะเลเอเดรียติกเพียง 47 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ เพราะอยากจะสัมผัสเมืองเก่า ซึ่งยังมี medieval town อีกเมือง ที่ยังคงสภาพของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของเวเนเซียนเอาไว้ ชาวเมืองปิรานสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นชาวอิตาเลียน ต่อมาชาวสโลวีเนียนเข้ามาอยู่มากขึ้น ส่วนTartini Square กลางเมืองปิราน ตรงกลางคือรูปปั้น Tartini
เทศกาลสำคัญของสโลวีเนีย
ประเทศสโลวีเนีย มีเทศกาลของช็อกโกแลต ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนเมษายน ซึ่งจัดขึ้นในใจกลางของภูมิภาค Gorenjska ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบช็อกโกแลตมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งในงานจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับช็อกโกแลต และมีช็อกโกแลตหลากสไตล์ ที่นำมาโชว์และให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชิมเลือกช้อป
เทศกาลเชอร์รี่ Cherry Festival จะมีการจัดในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายน เป็นประจำทุกปี ที่แคว้น Brdaแหล่งผลิตไวน์ดังของสโลวีเนีย ภายในงานเกษตรกรจะ เอาเชอร์รี่มาทำขนมอร่อยๆ อย่าง สตูร์เดิ้ลเชอร์รี่ เค้กเชอร์รี่ และมีการร้องเล่นเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
การเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศสโลวีเนีย
ไม่มีสายการบินที่บินตรงจากประเทศไทยไปประเทศสโลวีเนีย เพราะ สโลวิเนียมีพรมแดนติดกับประเทศออสเตรีย อิตาลี และฮังการี หากเดินทางจากประเทศไทย ให้เลือกบินมาลงออสเตรีย แล้วต่อมากรุง Ljubljana เมืองหลวง หรืออาจจะบินมาลงที่ อิตาลี แล้วเลาะผ่านเวนิสมาทางตะวันออกเรื่อย ๆ ก็จะเจอสโลเวเนีย
สามารถเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปเมืองต่างๆ ลจับล์จาน่า, มาริบอร์, Portoroz โดยสายการบิน Aeroflot , Air Berlin , Air China , แอร์อินเดีย , นิปปอนแอร์เวย์ , ออสเตรียนแอร์ไลน์ , บริติชแอร์เวย์ , ไชนาแอร์ไลน์ , ฟินน์แอร์ , กัลฟ์แอร์ , เจ็ทแอร์เวย์ , KLM , คูเวตแอร์เวย์ , ลุฟต์ฮันซา , แควนตัส , กาตาร์แอร์เวย์ , สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ , สิงคโปร์แอร์ไลน์ , สวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ , แท็ปโปรตุเกส , การบินไทย
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปประเทศสโลวีเนีย
การเดินทางไปประเทศ สโลวีเนีย อาจจะเช็คสภาพอากาศก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปในช่วงอากาศหนาวเท่าไหร่ การเลือกเสื้อผ้า ควรเลือกแบบสวมใส่สบาย เสื้อ Jacket ใส่คลุมเวลามีลม ควรเตรียมรองเท้าที่ใส่สบาย พรมแดนอิตาลีและสโลวีเนีย มีจุดแบ่งเมืองกอริเซียออกเป็นสองส่วน หากจะข้ามพรมแดนจากอิตาลีไปสโลวีเนีย จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มมาก แต่ระยะหลังสามารถเดินเข้าเดินออกพรมแดนระหว่างสองประเทศได้สบาย แต่ต้องมีพาสปอร์ตติดตัวไว้ตลอดเวลาเพราะตำรวจสโลวีเนียน อาจเรียกตรวจซึ่งหากคุณไม่มีพาสปอร์ต อาจจะถูกกักตัวไว้ก่อนและเสียค่าปรับ 300 ยูโรด้วย
ด้วยความสวยงามของทั้งธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ทำให้ สโลวิเนีย มีมนต์มหาเสน่ห์ แห่งเมืองเก่า ที่ยังคงมีความสวยงาม ไว้คอยอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสอยู่ตลอดเวลา