ด้วยความสวยงามที่ร่ำลือกันมายาวนาน ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางมาเยือนถิ่นนี้เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศแห่งความสวยงามและโรแมนติกแห่งนี้ กับฉายา หลังคาแห่งทวีปยุโรป ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นเมืองในฝันของใครต่อใครหลายคน นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ขึ้นชื่อ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศสวิสเซอร์แลนด์กันมากขึ้น
ลักษณะภูมิประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในใจกลางทวีปยุโรปบนเทือกเขาแอลป์ โดยมีชื่อทางการคือ สมาพันธรัฐสวิส เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล โดยมีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ประเทศออสเตรีย ประเทศอิตาลี และประเทศลิกเตนสไตน์
สวิสเซอร์แลนด์ ได้รับสมญานามว่า "หลังคาแห่งทวีปยุโรป"เพราะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์ สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ และยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีพื้นที่ประมาณ 41,287 ตารางกิโลเมตร แต่มีภูเขามากที่สุดในยุโรป และเป็นประเทศที่มีทะเลสาบมาก ลักษณะของภูมิประเทศจึงไม่ค่อยมีพื้นที่ราบ รวมทั้งยังมีแม่น้ำสายสำคัญของประเทศซึ่งได้แก่ แม่น้ำไรน์ แม่น้ำโรน แม่น้ำอินและแม่น้ำทิซิโน
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ในรูปของสมาพันธรัฐสวิสประกอบด้วย 26 รัฐ แต่ละรัฐมีรัฐธรรมนูญ และ รัฐบาลท้องถิ่นของตนเองโดยมีอิสระจากการบริหารราชการของส่วนกลาง อำนาจนิติบัญญัติของสมาพันธ์ฯ อยู่ที่รัฐสภาแห่งสมาพันธ์ อำนาจบริหารส่วนกลางจะอยู่ที่คณะมนตรีแห่งสมาพันธ์ คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยสมาชิกคือ มนตรีแห่งสมาพันธ์ 7 คน มีวาระในตำแหน่งคนละ 4 ปี ซึ่งจะผลัดกันเป็นประธานาธิบดีคนละ 1 ปี ทำให้ประธานาธิบดีสวิสไม่มีการเยือนต่างประเทศในฐานะประมุขแห่งรัฐ
ประชากรและวัฒนธรรม
ประชากร เป็นชาวสวิส เยอรมัน , สวิสฝรั่งเศส ,สวิสอิตาเลียน , โรมานช์ ฯลฯ ส่วนภาษาทางการในประเทศสวิตเซอแลนด์ คือเยอรมัน , อิตาลี , ฝรั่งเศส , โรมานซ์ และอังกฤษ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก รอลลงมาคือนับถือนิกายโปรเตสแตนท์ และศาสนาอื่นๆ
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่รวบรวมเอาวัฒนธรรม ของประเทศเพื่อนบ้านไว้หลากหลาย ทำให้ได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีในเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารสวิตเซอร์แลนด์ ที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่ยอมพลาดก็คือ Cheese Fondue, Sausages and Roesti ,เนยแข็งและ ช็อกโกแลต, ฯลฯ
สภาพภูมิอากาศของสวิสเซอร์แลนด์
ลักษณะภูมิอากาศของสวิตเซอร์แลนด์มีลักษณะแบบ แอลป์ ไปจนถึง แบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับความสูงของพื้นที่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีด้วยกัน 4 ฤดูกาล
ฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูใบไม้ผลิ อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือน พฤษภาคม สภาพอากาศ เย็นสบาย แต่ถ้าขึ้นไปบนภูเขาสูงมีหิมะปกคลุม อุณหภูมิจะติดลบ เมื่อถึงฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยหิมะ และอาจมีฝนตกในบางครั้ง เป็นฤดูที่มาพร้อมบรรยากาศสวยงามกว่าฤดูใดทั้งหมด นอกจากนี้ พระอาทิตย์ยังขึ้นเร็วกว่าช่วงฤดูหนาวและตกช้ากว่าอีกด้วย
ฤดูร้อน
ฤดูร้อนอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือน สิงหาคม เป็นฤดูที่มีแสงแดดออกตลอดทั้งวัน อุณหภูมิระหว่างตอนกลางวันและกลางคืนยังมีความต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่อุณหภูมิจะติดลบ ฤดูร้อน อากาศจะอบอุ่นและเย็นชื้น แต่จะมีฝนตกบ้าง เดือนกรกฏาคมและสิงหาคมจะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุด ในเดือนกรกฏาคม ในช่วงฤดูร้อนนี้จะมีกลางวันที่ยาวนานมากประมาณ 13 ชั่วโมง แต่เมื่อเริ่มเข้าเดือนสิงหาคมพระอาทิตย์ก็ขึ้นช้าลง แล้วก็ตกเร็วขึ้น
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือน พฤศจิกายนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ตอนกลางวันอากาศ อบอุ่นแต่เมื่อตกเย็นอากาศจะหนาวเย็นขึ้น และมีบรรยากาศที่สวยงามมาก เนื่องจากใบไม้ต่างเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองอร่ามและมีสีส้มอมแดง
ฤดูหนาว
เดือนธันวาคม ถึงเดือน กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศมีความชื้น ก่อนที่จะมีหิมะตก สภาพอากาศจะหนาวเย็นอย่างมาก บางพื้นที่อาจจะมีอุณหภูมิถึงขนาดติดลบ 10 เลยก็มี
โซนเวลาของสวิสเซอร์แลนด์
เวลาในสวิตเซอร์แลนด์จะเดินช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง และ 5 ชั่วโมง ตามลำดับ โดยเริ่มตั้งแต่ สิ้นเดือนมีนาคม ใช้เวลา GMT+2 และสิ้นเดือนตุลาคม ใช้เวลา GMT+1 หรือที่เรียกว่า เดย์ไลท์ เซฟวิ่ง ไทม์ การปรับเวลาไปตามฤดูกาล นาฬิกาจะถูกปรับไปข้างหลัง 1 ชั่วโมง เมื่อเทียบระยะเวลาที่แตกต่างจากประเทศไทย เวลาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เดินช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 5 ชั่วโมง
ค่าเงินที่ใช้ในสวิสเซอร์แลนด์
อัตราแลกเปลี่ยนเงิน สวิตเซอร์แลนด์ ใช้เงินสกุล สวิสฟรังก์ มี ธนบัตร ใบละ สิบ ,ยี่สิบ,ห้าสิบ,หนึ่งร้อย สองร้อย และหนึ่งพัน เหรียญ เป็นเซ็นต์ และ ฟรังซ์ เทียบเป็นเงินไทยได้ประมาณสามสิบห้าบาท ขึ้นอยู่กับการแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศนี้
สามารถแลกได้ตามธนาคารทุกแห่ง ส่วนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตภายในประเทศนี้ ควรเป็นบัตรที่ได้รับการยอมรับ เช่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด
ระบบไฟฟ้าใน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ใช้ระบบไฟฟ้าคือ กระแสไฟฟ้า 220 โวลท์, 50 ไซเคิ้ล ปลั๊กไฟเป็นปลั๊กกลมแบบ 3 ขา ชนิดที่เป็นแบบมาตรฐานใช้กันทั่วไป สามารถใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกชนิด อย่าลืมนำหัวปลั๊กต่อเชื่อม หรือ แอดปเตอร์เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าแบบพกพาไปด้วย
การใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว สามารถโทรไปที่ต่างๆ ทั่วโลกได้ โดยการหมุนหมายเลขรหัสประเทศนั้น ตามด้วยหมายเลขเมือง และเบอร์โทรของประเทศไทยคือ 0066 + จังหวัด + หมายเลขโทรศัพท์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีบริการโทรศัพท์ทางไกล ทั้งชนิดหยอดเหรียญและใช้การ์ดโฟน ส่วนการเปิดโรมมิ่ง ก่อนเปิดใช้งานจะต้องไปแจ้งทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของคุณก่อน
อินเทอร์เน็ต
ใช้ Unlimited data ของ สวิสคอมในราคา19.90 CHF และใช้ได้10วัน และจำกัดความเร็วสูงสุด ซึ่งก็เร็วกว่าในไทย สัญญาณดีมาก ถ้าใช้maxมากๆ ทางศูนย์ก็จะ เอสเอ็มเอส มาแจ้งว่าจะลด สปีด ลิมิตร คุณก็ไปเติมเงินเพิ่ม สปีด ลิมิตรได้ หรือใครจะหาซื้อซิมก็ซื้อได้ตั้งแต่ในสนามบิน ของ สวิสคอมเป็น Prepaid Sim ราคาอยู่ที่19.90 CHF โดยจะตัดค่าเน็ตแบบ อัลลิมิเตด วันละ 2 CHF คือซื้อมาก็มีเงินอยู่ในซิม ซึ่งทางศูนย์จะหักเงินวันละ2 CHF อยู่ได้ประมาณสิบวัน
สินค้าและของฝากจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
แหล่งซื้อของฝากจากเมือง Interlaken ถือว่าโด่งดังมากด้านงานฝีมือทุกชนิด ตั้งแต่ผ้าปัก ไม้แกะสลักและของที่ระลึกมากมายหากอยากไปซื้อนาฬิกาเลื่องชื่อ จะต้องไปที่เมือง Luzern เป็นเมืองที่นาฬิกาโรเล็กซ์ขายดีที่สุด รองลงมาคือมีดพก ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 6 โมงครึ่งในวันธรรมดา ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดในวันอาทิตย์ ซึ่งสินค้ามีคุณภาพที่ผลิตในประเทศทำให้สวิตเซอร์แลนด์ศูนย์รวมนักช้อปทั่วโลก สินค้าที่มีชื่อเสียงของที่นี่ คือ นาฬิกาสวิส
นอกจากนี้ ช็อกโกแล็ตก็เป็น สินค้ามีชื่อเสียงของสวิสเช่นกัน หลากหลายชนิดทั้งรูปแบบและกลิ่นรสชาติต่าง ๆ อีกทั้งสินค้าจำพวกผ้าลูกไม้ของสวิสก็ งานเย็บปักถักร้อยก็เป็นของที่ระลึกที่มีค่า และมีดพับของสวิสเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ยังมี
กล่องดนตรีสวย ๆ กับ ของใช้และของตกแต่งบ้านเรือนทำด้วยไม้แกะสลักและเครื่องกระเบื้องเคลือบของสวิส มีกล่องดนตรีสวย ๆ กับ ของใช้และของตกแต่งบ้านเรือนทำด้วยไม้แกะสลัก และเครื่องกระเบื้องเคลือบของสวิส เป็นงานฝีมือที่สวยงาม งานศิลปะและของสะสมที่เป็นของกึ่งโบราณ ให้เลือกซื้อหาเป็นของที่ระลึกกันอีกด้วย
อาหารที่ขึ้นชื่อของ สวิสเซอร์แลนด์
ชีส
ชีสที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกในฐานะ สวิสชีส ซึ่งลักษณะและรสชาติของชีสจะขึ้นอยู่กับแหล่งผลิตในแต่ละภูมิภาคของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาหารพื้นเมืองของชาวสวิสที่ประกอบด้วยชีส คือ ฟองดู คือการนำเอาชีสมาละลายและใช้ขนมปังหรืออาหารอื่น ๆ มาจุ่มแล้วรับประทาน
Raclette
Raclette เป็นอาหารที่ทำมาจากชีสและยังเป็นเมนูดั้งเดิมของชาวสวิสแถบภูเขา และมีชื่อเสียง โดยจะใช้ชีสก้อนใหญ่ ๆมาละลายแล้วขูดชีสที่ละลายมาทากับขนมปัง ปัจจุบันมีการพัฒนาสูตรโดยนำชีสแผ่นหนาไปย่างแล้วกินกับมันฝรั่ง พร้อมเครื่องเคียงอย่างแตงเหลืองและหัวหอมดอง
Zürich Geschnetzeltes
Zürich Geschnetzeltes ทำมาจากเนื้อลูกวัวนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำไปปรุงกับครีม, ไวน์ขาวและเห็ด เสิร์ฟคู่กันกับ rösti ซึ่งเป็นอาหารดั้งเดิมของชาวสวิส
Rosti
Rosti มีลักษณะคล้ายแพนเค้ก แต่ทำมาจากมันฝรั่งบด และนำไปทอดกับเนย หรือน้ำมัน และทำให้เป็นแผ่นแบน ๆ สามารถนำมารับประทานร่วมกันกับชีสหรือเบคอนได้
ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นหนึ่งในช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการควบคุมคุณภาพในโรงงานผลิตและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของประเทศสวิสมีหลายแบบ ซึ่งชาวสวิส เป็นผู้ที่กินช็อกโกแลตมากที่สุดในโลก
ฟองดู
ฟองดูอาหารที่นิยมรับประทานกันในฤดูหนาวกับไวน์ขาว ด้วยการนำขนมปังก้อนเล็กๆ จุ่มในหม้อร้อน ที่มีเนยแข็ง เคี่ยวละลายในไวน์ขาว เหล้าเชอร์รี่ และเครื่องเทศ ชาวสวิสชอบทานชีสต์ โดยเฉพาะการทานแบบจิ้มและจุ่ม
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์มีสถานที่หนึ่งที่สวยงาม เป็นประเทศที่ใครหลาย ๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสกับความงาม ทั้งจากธรรมชาติ และสถาปัตยกรรม ซึ่งยังคงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปสัมผัสอยู่คลอดเวลา
เมือง Basel
ที่ Fondation Beyeler ของเมือง Basel ได้รวบรวมภาพเขียนของศิลปินชื่อดังตั้งแต่ใอดีตหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Bacons, Monets และ Picassos เป็นเมืองที่รวบรวมงานศิลปะสวย ๆ เอาไว้ ในเมือง Basel ยังมี Kunstmuseum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลป์สวยๆ ทั้งแนวย้อนยุคและแบบร่วมสมัยอีกด้วย
Helvetia
Helvetia เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากหนความวุ่นวาย และต้องการพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ Helvetia เป็นเมื่องที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน และยังมีธรรมชาติสวยงามให้ชมโดยเฉพาะที่สวน Botanical Gardenที่อยู่บนเกาะใจกลางแม่น้ำ Maggiore มีการรวบรวมดอกไม้นานาพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติได้ไปสัมผัส
Bern
Bern เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ที่มีความโรแมนติก การเดินเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้วและมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมืองซึ่งเปรียบเหมือนปราการธรรมชาติซึ่งป้องกันเมืองไว้ทั้งสามด้าน ส่วนด้านที่สี่ชาวเมืองได้สร้างกำแพงและสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ ด้วยความสวยงามอย่างลงตัวทำให้ Bernได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้
Interlaken
Interlaken ที่หลายคนบอกว่าสวยเหมือนเมืองในฝัน ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz เป็นสถานที่ตากอากาศ ตั้งอยู่ตามเชิงเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ทิวทัศน์แถบนี้บริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย เป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากที่สุด
Jungfraujoch
Jungfraujoch จุงฟราวยอร์ค เป็นพื้นที่ช่องเขาระหว่างยอดเขา Mönch และ Jungfrau ของเทือกเขาแอลป์ Jungfraujoch และถือว่าเป็นไฮไลท์ของสวิต ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี รวมไปถึงวิวที่มองเห็นจนสุดขอบฟ้า Jungfraujoch มีความสูงประมาณ 3,471 เมตร และได้รับการขนานนามว่า หลังคายุโรป เป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปที่ใช้เวลาสร้างนาน 16 ปี และยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ อีกด้วย ที่นี่ยังมีสิ่งสวยงามคือ ถ้ำน้ำแข็ง มี Sphinx หอคอยชมทัศนียภาพ ที่อยู่เหนือธารน้ำแข็ง Aletsch นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นบนหิมะ หรือนั่งกระดานเลื่อนโดยมีสุนัข Husky ลาก หรือเล่นสกีที่สนาม และพบกับการผจญภัยอีกหลายอย่าง
Grindelwald
ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 35 นาทีซึ่งระหว่าง 2 ข้างทางถูกขนาบข้างด้วยธารน้ำแข็ง ที่ทอดตัวยาวลงมาจากภูเขาสูงสู่หุบเขา จากที่นี่จะมองเห็นภูเขา Eiger ทางด้านเหนือ ที่นักท่องเที่ยวต่างเตรียมตัวเพื่อมาพิชิตความสูงของยอดเขาแห่งนี้
Zurich
ศูนย์กลางการค้าทองคำของโลก เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ มีโรงละครโอเปร่า คอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่ และถนน Bahnhofstrasse ที่แต่ละร้านตกแต่งอย่างอลังการ ตลอดสองข้างทางของถนนมีห้องเสื้อชั้นนำของยุโรปมีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้ารวมถึงเครื่องประดับนานาชนิด และร้านขายนาฬิกา รวมถึงร้านขายของเก่า ร้านภาพเขียนทั้งเก่าและใหม่ ร้านหนังสือดีๆ และสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านอีกด้วย
น้ำตกไรน์ฟาลล์
The Rhine Fall หรือน้ำตก รายน์ เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก ซึ่งใกล้ๆกับตัวน้ำตก มีปราสาท Schoss Laufen ซึ่งภายในได้มีการปรับปรุงให้เป็นร้านอาหาร ที่พัก และร้านค้าต่างๆเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว ในวันที่1 สิงหาคมที่นี่จะมีการแสดงพลุ ซึ่งเป็นวันชาติของสวิตเซอร์แลนด์ มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของที่นี่ทุกปี
เทศกาลสำคัญ ของสวิสเซอร์แลนด์
เทศกาล Fasnacht Spring Carnival
เทศกาล Fasnacht Spring carnival ในเมืองเมืองบาเซิล ถือได้ว่าเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงของโลกในช่วงเวลา 3 วันที่เต็มไปด้วยผู้เข้าร่วมงานเทศกาลนี้ต่างพากันแต่งตัวหลากสีสัน และใส่หน้ากากหลากหลายแบบ เพื่อร่วมเดินขบวนพาเรดบนถนนเส้นหลักของเมือง
Zibelemärit
เทศกาลหัวหอมจัดขึ้นในทุก ๆ วันจันทร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน โดยจัดขึ้นในแถบทางเหนือของเมืองเบิร์น โดยจัดเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน ให้เดินช้อป ซึ่งจะมีเกษตรกรในแถบใกล้เคียงนำหัวหอมมาขายมากกว่า100 ตัน
นอกจากนี้ยังมีผักฤดูหนาว, ถั่วต่าง ๆ และผลไม้อื่นๆ มาวางขายด้วย
Der Bachfischet
Der Bachfischet เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในรัฐ Aarau จะมีนักเรียนจะออกมาเดิน ถือโคมไฟหลากสีสัน ซึ่งเป็นประเพณีที่มีความสวยงามอีกประเพณีหนึ่งที่จัดขึ้นทุกๆเดือนกันยายน
Chestnut Festival
Chestnut Festival เทศกาลนี้จัดที่เมือง Ascona รัฐ Tichino ในเดือนตุลาคม ของทุกปี เทศกาลนี้จะเต็มไปด้วยลูกเกาลัดสีทอง ที่มาในรูปแบบอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลูกเกาลัดดิบ, แยม, น้ำผึ้ง, เค้ก, ไอศกรีม ฯลฯ
Klausjagen
Klausjagen ทุกวันที่ 5 ธันวาคม ในแถบรัฐ Schwyz ของพื้นที่นิกายคาทอลิคของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จะมีผู้ชายประมาณ 200 คนใส่ชุดยาวสีขาวและสวมหัวที่มีขนาดใหญ่ และจุดเทียนข้างใน เต้นไปตามถนน สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ร่วมงานอย่างมาก
Wine Festival
Wine Festival เป็นเทศกาลไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยจัดขึ้น 3 วันช่วงปลายเดือนกันยายน ในเมือง Neuchâtel จะมีพาเหรดขบวนดอกไม้นานาพันธุ์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมและชิมไวน์กันมากมาย
การแสดงพลุดอกไม้ไฟประจำปี
วันที่12 ส.ค. มีการแสดงพลุดอกไม้ไฟครั้งใหญ่ประจำปี การแสดงพลุสุดตระการตาความยาวเกือบ 1 ชั่วโมง จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงนี้ของปี ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรียกการเฉลิมฉลองว่าเทศกาลแห่งนครเจนีวาซึ่งการแสดงพลุดังกล่าวจัดขึ้นมานานกว่า 66 ปีแล้ว
ประเพณีเสี่ยงทาย SECHSELAUTEN
SECHSELAUTEN เป็นประเพณีที่ถือว่าเก่าแก่ของชาวสวิส ประเพณีสำคัญนี้จะมีคนแต่งชุดด้วยเสื้อผ้าสมัยโบราณสวยงาม ชุดประเพณีการแต่งกายของภาคต่างๆ มีขบวนม้า ดนตรี และขบวนแห่ เป็นประเพณีการขับไล่สิ่งชั่วร้าย วิญญาณร้าย ของฤดูหนาวโดยการสร้างหุ่นฟางเพื่อเผาขับไล่ ฤดูหนาวและต้อนรับฤดูร้อน จุดสำคัญที่เป็นหัวใจหลักสำคัญของงานคือ การเผาหุ่นฟางหรือ Böögg ซึ่งหลังจากเสียงระฆังดัง 18.00น.ตรง ก็จะจุดไฟที่กองฟืนที่จัดเตรียมไว้ทันที ทุกคนจะตั้งหน้าตั้งตารอชมการเผาอย่างใจจดใจจ่อ และดูว่าหุ่นฟางนี้จะระเบิดหรือใช้เวลาเท่าไหร่ในการเผา และจะปรบมืออย่างกึกก้องเมื่อเห็นหัวเจ้าเบิ๊กระเบิดตอนชิ้นส่วนกระจาย
การเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์
การเดินทางจากไทยไปสวิตนั้นสามารถเลือกสายการบินได้ เพราะมีสายการบินจากกรุงเทพไปถึงสวิสสายตรงและมีสายการบินที่ให้บริการทั้ง Connecting Flight และDirect Flight ส่วนราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการเดินทาง ตามปกติการเดินทางมาสวิตเซอร์แลนด์จะมีทั้งบินตรงและบินอ้อม แต่ราคาบินตรงจะค่อนข้างสูงมาก ข้อดีคือใช้เวลาเดินทางน้อย หากไปเที่ยวไม่กี่วันอาจซื้อเป็นแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – ซูริค พร้อมที่พัก 3 คืน และตั๋ว สวิสพาส 4 วัน จากสายการบิน Swiss Air ที่จัดเป็นชุดที่ค่อนข้างคุ้มค่ากว่า แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องเดินทางเป็นคู่เท่านั้น
หรือหากคุณไม่อยากเดินทางไกลๆ ทีเดียว และต้องการประหยัดงบการเดินทาง สายการบินเอมิเรตส์ที่ไปต่อเครื่องที่ดูไบ เป็นสายการบินคุณภาพเยี่ยมและราคาประหยัด ระหว่างรอต่อเครื่องอาจเดินดูสินค้าหรือสถานที่เที่ยวรอเที่ยวบินต่อไปสวิสก็ได้
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์
การเดินทางไปสวิส หากคุณมีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาไปด้วย เพราะการที่จะไปซื้อตามร้านขายยาแล้วได้รับเลยอย่างที่บ้านเรานั้นไม่สามารถทำได้ เพราะจะต้องมีใบสั่งยาจากหมอก่อน แล้วค่อยเอาใบสั่งไปยื่นที่ร้านขายยา ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการท่องเที่ยวมาก
ค่าใช้จ่าย
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จัดได้ว่ามีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าที่พัก หรือค่าเดินทาง แม้แต่ชาวสวิสที่อาศัยอยู่เมืองที่ติดกับประเทศอื่นยังเดินทางออกนอกประเทศเหล่าเพื่อซื้อของอุปโภคหรือบริโภคเลย
การแต่งกาย
ฤดูหนาวสวิตเซอร์แลนด์ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวจัดบนพื้นที่ภูเขาและที่สูง ควรแต่งกายควรให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยแม้จะไม่ใช่ฤดูหนาว หากจะมาเที่ยวสวิส อาจมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. เพราะฤดูนี้อากาศกำลังเย็นสบาย เสื้อผ้าหนาๆก็ไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากนัก ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะมีฝนมากกว่าฤดูอื่น และอากาศจะหนาวเย็นมาก หากไปในฤดูร้อน อากาศคล้ายกับบ้านเรา พระอาทิตย์ยังตกช้า จึงทำให้มีเวลาเที่ยวได้เยอะ ส่วนฤดูหนาว เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเห็นหิมะมาก ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นไปให้พอ
เพราะเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆ คน ที่แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมถึงค่ากิน ค่าที่พัก ที่สูงแต่หากใครได้มาที่สวิสเซอร์แลนด์ที่เป็นดินแดนแห่งความฝันนี้แล้ว...ก็อาจไม่ต้องทำให้คุณต้องฝันอีกต่อไป