วันที่ 3
เมืองปิซ่า - หอเอนปิซ่า1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก - เมสเตร้ - นั่งเรือสู่เกาะเวนิส - สะพานถอนลมหายใจ - จัตุรัสซานมาร์โค - วิหารซานมาร์โค
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชม หอเอนเมืองปิซา 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่เมืองปีซา ประเทศอิตาลี เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ.1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพออย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ.1350ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง14ฟุตปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆ ซึ่งบรรดาวิศวกรกำลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆ สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารจีน)
บ่าย
นำท่าน เดินทางสู่ เกาะเวนิส – เมรเตร้ เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน” มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง
เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค ศูนย์กลางของนครเวนิสระหว่างทางท่านจะได้ชม อนุสาวรีย์ของพระเจ้าวิคเตอร์เอมานูเอลที่ 2 บิดาของชาวอิตาเลี่ยน
ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับ สะพานถอนหายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิซในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย
ชม จัตุรัสเซนต์มาร์คโค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์
อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเวนิซตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูราโน่ ต้นตำรับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชนโดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมีรูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง พิซซ่าต้นตำหรับอิตาลี+สเต็ก+ของหวาน)
ที่พัก
DELFINO HOTEL VENEZIA MESTRE หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
เมสเตร้ - มิลาน - อินเทอร์ลาเค่น ( สวิตเซอร์แลนด์ )
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยัง เมืองมิลาน เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม นอกจากนี้มิลานยังเป็นที่รู้จักจากประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า ปาเนตโตเน (Panettone) อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึง สโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน และ สโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน
ถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็นวิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารจีน)
บ่าย
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ช เดินทางต่อสู่ เมืองอินเทอร์ลาเค่น เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอร์ลันด์ ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์เมืองตากอากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็น เขาจุงเฟรา อันลือชื่อ, นาฬิกาดอกไม้, สถานคาสิโน ฯลฯ ให้ท่านเดินเล่นพักผ่อน ชื่นชมบรรยากาศของตัวเมืองที่มีทุ่งหญ้ากว้างกลางเมือง มีสวนดอกไม้เล็กๆ น่ารักสร้างสีสันให้ตัวเมือง รวมทั้งมีอาคารคาสิโนคูซาลอายุกว่า 100 ปีที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และยังเป็นคาสิโนของเมืองอีกด้วย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ.ภัตตาคาร (ฟองดูชุดใหญ่ ต้นตำหรับสวิตเซอร์แลนด์)
ที่พัก
CITY OBERLAND หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
พิชิตยอดเขาจุงเฟรา - สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป - ถ้ำน้ำแข็ง 1000ปี - สวิสสฟิงซ์ - ลูเซิร์น
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำคณะออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศขึ้นมุ่งหน้าขึ้นสู่ หมู่บ้านกรินเดลวาลด์กรุน เพื่อนำท่านขึ้น รถไฟสายจุงฟราวบาห์เนน ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสวิสเซอร์แลนด์ขนานแท้ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ล่วงบ้านหลังน้อยใหญ่ปลูกแบบน่ารักๆทรงสวิสชาเลต์ ฝูงวัวพื้นเมืองที่กระจัดกระจายแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วบริเวณ ลำธารน้ำธรรมชาติเล็กๆที่ใสสะอาดและฉากหลังที่มีภูเขาหิมะตั้งตระหง่านขาวโพลน ซึ่งจะทำให้คณะได้รับความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
พร้อมนำคณะเปลี่ยนบรรยากาศโดยการ นั่งรถไฟชมวิวท่องเที่ยวธรรมชาติบนภูเขาสูง แห่งแอลป์แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายภูเขาที่สถานีไคลน์ไชเด็ก รถไฟที่จะนำท่านเดินทางลอดอุโมงค์ที่ชาวสวิสฯได้ขุดเจาะไว้ที่ความสูงถึง 3,464 เมตร จนกระทั่งถึง สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป Top of Europe บนยอดเขาจุงเฟรา ซึ่ง มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) จุดสูงสุดคือลานน้ำแข็งขนาดใหญ่เรียกว่า Sphinx นักท่องเที่ยวหลายๆคนบอกว่าที่นี่สวยงามดุจดินแดนแห่งสวรรค์ เพราะยอดเขาแห่งนี้ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนตลอดทั้งปี ในปี 2001 อิสระให้ท่านถ่ายภาพความประทับใจตามอัธยาศัยกับแบบจุใจ ไม่มีเร่งรีบ
จากนั้นนำท่าน ชม ถํ้านํ้าแข็ง1,000ปี ที่สร้างโดยการเจาะธารน้ำแข็งเข้าไปถึง 30 เมตร พร้อมชมน้ำแข็งแกะสลักรูปร่างต่าง
จากนั้นชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสหิมะที่ ลานพลาโต Plateau และไม่ควรพลาดการส่งโปสการ์ดจากที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลกพร้อมซื้อของที่ระลึกต่างๆตามอัธยาศัย...
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงเฟรา
บ่าย
นำท่านขึ้น สวิสสฟิงซ์ หรืออาคารสังเกตุการณ์ ที่ความสูง 3,571 เมตร/11,716 ฟิต ท่านสามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาจากระเบียงได้ประสบการณ์แสนประทับใจ
เดินทางสู่ ยุงค์ ฟราวยอร์ค-หลังคายุโรป ไปแล้วไม่ได้มาจุดชมวิวจุดนี้เหมือนมาไม่ถึง
ได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางลงจากยอดเขา โดยเส้นทางรถไฟอีกด้านหนึ่งเพื่อ เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ให้ซ้ำทางเดิมผ่าน เมือง เวนเก้น เมืองที่สร้างบ้านแบบสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีความสวยงามมากจนยากที่จะลืม แวะเปลี่ยน รถไฟที่สถานีไคลน์ไชเด็ค ซึ่งบริเวณสถานีนี้ ล้นเกล้ารัชกาลที่5 เคยเสด็จมาแล้ว จนกระทั่งถึง เมืองเลาเท่นบรุนเน่น (LAUTERBRUNNEN)
หลังจากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น เมืองนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า เวียวาลด์ สแตร์ทเตอร์ อันหมายถึงทะเลสาบสี่พันธรัฐ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Ibis Styles Luzern City หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
เมืองลูเซิร์น - สะพานไม้ชาเปล - อนุสาวรีย์สิงโต - เดินเล่นชิวๆชมเมือง - ดิจอง
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล สัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น สะพานไม้ที่เก่าแก่มีอายุหลายร้อยปี
นําท่านชม อนุสาวรีย์สิงโต สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และกล้าหาญของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่เสียชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวังในคราวปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศสแกะสลักอยู่บนหน้าผาหิน
อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้ง นาฬิกาสวิสฯ อาทิ ROLEX,PANERAI, OMEGA, IWC, PATEK PHILLIP เป็นต้น หรือเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกเช่น มีดสวิสฯ พร้อมสลักชื่อ, สินค้าพื้นเมืองของที่ระลึก, ช็อคโกแลต เป็นต้น
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(อาหารจีน)
จากนั้นออกเดินทางโดยรถโค้ชข้ามพรมแดนของ สวิสเซอร์แลนด์- ฝรั่งเศส
เดินทางผ่านทุ่งราบอันกว้างใหญ่สู่ เขตแคว้นเบอร์กันดี ที่มีการปลูกต้นมาสต้าเพื่อนำมาผลิตมาเป็น มัสตาร์ด อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีของประเทศฝรั่งเศส
เดินทางเข้าสู่ เมืองดีจอง ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยงามของประเทศฝรั่งเศส อดีตเมืองหลวงแห่งแคว้นเบอร์กันดีชมอาคารบ้านเรือนสมัยเรอเนสซองส์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง สไตล์ฝรั่งเศส )
ที่พัก
OCEANIA LE JURA หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
ดิจอง - รถไฟด่วน TGV - พระราชวังแวร์ซายส์ - ล่องเรือแม่น้ำแซนน์ - ถนนชองเอลิเซ่ - ประตูชัยปารีส - อาหารพื้นเมืองหอยเอสคาโก้อบเนยในร้านสุดหรู
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปารีส ด้วย รถไฟด่วน TGV เพลิดเพลินและสนุกสนานกับความสะดวกสบาย ด้วยความเร็วกว่า 300กิโลเมตร/ชั่วโมง จนกระทั่งถึงกรุงปารีสเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสตั้งอยุ่บนแม่น้ำแซนน์ บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสบนใจกลางแคว้น อีล-เดอ-ฟรองซ์ จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2000 ปี เมืองปารนีส มหานครซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองหลวงด้านแฟชั่นระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งดอกเรบซีด,ไร่องุ่น,และ หมู่บ้านชนบทของฝรั่งเศส จนกระทั้งเข้าสู่เมืองปารีส
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)
บ่าย
นำท่านเดินทางไปยัง แวร์ซายส์ อดีตเมืองหลวงและศูนย์กลางการเมืองการปกครองในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อยู่ห่างจากปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร
นำท่านเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (มีไกด์ท้องถิ่นบรรยาย ในแต่ละห้องข้อมูลแน่นปึ๊ก ที่สำคัญเที่ยวแบบ VIP ไม่มีต่อคิว) พระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใหญ่ที่สุดในปฐพี ชมความอลังการของพระราชวังซึ่งได้รับการตกแต่งไว้อย่างหรูหราวิจิตรบรรจง ชมความงดงามของห้องต่างๆ อาทิเช่น ห้องอพอลโล, ห้องนโปเลียน ห้องบรรทมของราชินี, ห้องโถงกระจกท้องพระโรง, ห้องสงครามและสันติภาพ รวมถึงเรื่องราวและความเป็นมาของอดีตอันยิ่งใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้ จากนั้นอิสระให้ท่านได้ชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบริเวณอุทยานอันร่มรื่นและหลากหลายด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสีสันสวยงาม
นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือบาตามูซ เพื่อ ล่องเรือแม่น้ำแซนน์ ชมวิวทิวทัศน์กันบนดาดฟ้าเรือ ชื่นชมความงามของทัศนียภาพของนครปารีส ชมสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสองฝั่งของแม่น้ำแซนน์ โบราณสถาน และอาคารที่เก่าแก่สร้างด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ตลอดทางท่านจะได้ความประทับใจกับความสวยงามของทัศนียภาพที่ร่วมกันสรรสร้างให้นครปารีสได้ชื่อว่าเป็นนครที่มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาทิเช่น สะพานอเล็กซานเดอร์, ศาลาว่าการ, จัตุรัสคองคอร์ด, โรงกษาปณ์, เกาะอิลเดอลาซิเต้ ศูนย์กลางเมืองแห่งแรก สถานที่ตั้ง มหาวิหารนอเตรอดาม หรือ โบสถ์นอเตรอดาม สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิกที่ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างงดงาม ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับพิธีราชาภิเษกนะโปเลียนขึ้นครองราชย์ มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และทำให้ให้ปารีสโดดเด่นเป็นมหานครที่งดงามแห่งหนึ่งของโลกงดงามที่สุดแ ห่งหนึ่งของโลก (ในกรณีที่น้ำในแม่น้ำแซนขึ้นสูงกว่าปกติหรือมีเหตุการณ์สุดวิสัย เช่น การนัดหยุดงาน เป็นต้น รายการล่องแม่น้ำแซนอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้)
จากนั้นนำท่านไปชม ประตูชัย สัญลักษณ์แห่งชัยชนะของนโปเลียน
ก่อนนั่งรถผ่านชมสองฟากฝั่ง ถนนชองป์เซลิเซ่ ต้นแบบถนนราชดำเนินของไทย ซึ่งเต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านค้าขายของดีราคาแพงจากดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกสู่ จัตุรัสคองคอร์ด สถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสและยุโรป เป็นลานประหารที่ตั้งกิโยตินซึ่งคร่าชีวิตผู้คนนับพันในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศสปี ค.ศ. 1789
ค่ำ
รับประทานอาหารแบบพื้นเมืองฝรั่งเศส (เมนู หอยเอสคาโก้อบเนย ,ท่านสามารถ เลือก สเต๊กสไตล์ฝรั่งเศส1อย่าง อาทิเนื้อหมู/เนื้อวัว/เป็ดอบซอส/ปลา พร้อมจิบไวน์ฝรั่งเศส ตบท้ายด้วยของหวาน )
ที่พัก
HOLIDAY INN PARIS PORTE DE CLICHY หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
ขึ้นหอไอเฟลชั้น2 - DUTY FREE - พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ - ช้อปปิ้ง
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านถ่ายภาพ หอไอเฟล เป็นที่ระลึกจากมุมกว้างซึ่งเป็นจุดที่สวยที่สุดและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
จากนั้นนำท่าน ขึ้นลิฟท์สู่ชั้น 2 ของ หอไอเฟิล สัญลักษณ์ของนครปารีสเลิศหรู อลังการโรแมนติค เป็นหอสูงสร้างด้วยโครงเหล็กทั้งหมด โดยชาวฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ เอฟเฟล มีความสูง 984 ฟุต ใช้เหล็กทั้งหมด 7 พันตัน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2413 เพื่อเป็นประติมากรรมฉลองครบรอบ 100 ปีหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนในสมัยนั้นว่า รูปทรงน่าเกลียดอัปลักษณ์เป็นที่สุด หารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่สิบปีต่อมา หอเหล็กสูง 324 เมตร น้ำหนัก 10,000 ตันนี้ จะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองที่คนทั่วโลกอยากมาเห็น ให้ท่านได้เพลิดเพลิน สนุกสนาน ชมทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงปารีส ได้อย่างทั่วถึงและจุใจ
หลังจากนั้นนำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่ อลังการ ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (มีไกด์ท้องถิ่นบรรยาย ข้อมูลแน่นปึ๊ก ที่สำคัญเที่ยวแบบ VIP ไม่มีต่อคิว) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตัวตึกที่ตั้งอยู่เคยเป็นพระราชวังมาก่อน โดยกษัตริฟิลิป-ออกัสตัส สร้างเป็นป้อมปราการ จากนั้นพระเจ้าชาร์ลที่5 ได้ขยายป้อมปราการลูฟร์ให้เป็นพระราชวัง พระเจ้าหลุยส์ 13และ14 เคยประทับอยู่ที่นี่ ปัจจุบัน ลูฟร์ เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 40,000 ชิ้น มีตั้งแต่ศิลปะ สมัยอีทรัสกัน กรีก โรมัน อียิปต์ภาพเขียนและปติมากรรมยุคเรอเนสซองซ์ ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับปิรามิดแก้ว ซึ่งเป็นทางเข้าหลักออกแบบโดยสถาปนิกเชื้อสายอเมริกัน - จีน
นำท่านชื่นชม ภาพวาดโมนาลิซา ของเลโอนาร์โด ดาวินชี จิตรกรและสถาปนิก อัจฉริยะ ชาวอิตาเลียน ภาพวาดชวนพิศวงเนื่องมาจากรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยเลศนัยของนางที่อยู่ในภาพ จนทำให้ผุ้คนวิจารณ์กันมากว่าแท้จริงแล้วโมนาลิซ่า คือใครกันแน่ เป็นบุรุษหรือสตรี
ชมรูปปั้นภาพเทพธิดาวีนัส (Venus deMilo) และศิลปะสำคัญ ของโลกส ภายในพิพิธภัณฑ์
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ร้านปลอดภาษี เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าต่างๆ มากมาย อาทิเช่น เครื่องสำอาง, น้ำหอม, เครื่องประดับ, กระเป๋าหนัง และเครื่องหนังอื่นๆ รวมทั้งเสื้อผ้า Brand Name จากฝรั่งเศส
เที่ยง
อาหารกลางวัน อิสระตามอัธยาศัยเพื่อสะดวก และให้เวลากับการช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
บ่าย
จากนั้นอิสระให้ท่านช็อปปิ้งสินค้าที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แกลลารี่ ลาฟาแยตต์ ซึ่งมีสินค้าแบรนด์เนมทุกยี่ห้อรวมถึง LOUISE VUITTON ท่านที่ไม่มีความประสงค์ช็อปปิ้งสามารถเดินชมความงามของบ้านเมืองและโรงละครโอเปร่า ที่เก่าแก่สวยงาม เพราะย่านช็อปปิ้งอยู่กลางเมืองมีอาคารบ้านเรือนสวยงามมาก
ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินชาร์ลเดอร์โกล เพื่อทำการเช็คอิน และทำ TAX REFUND
22.25 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ QR 038 / QR 832 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน
วันที่ 9
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( กรุงเทพฯ)
19.00 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดีภาพ...พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม