วันที่ 3
เรจจิโอ เอมิเลีย - โมเดนา - ราเวนนา - สาธารณรัฐซานมาริโน
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโมเดนา (Modena) (ระยะทาง 29 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที) อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) เมืองโมเดนาเป็นหนึ่งในเมืองที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองคือ มหาวิหารโมเดนา (Modena Cathedral) เป็นหนึ่งในอาคารแบบโรมันที่สำคัญที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 มหาวิหารแห่งนี้เป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่จากยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของศิลปะโรมาเนสก์ยุคต้น
จากนั้นนำท่านชม แกรนด์ เปียสซ่า (Piazza Grande) จัตุรัสใจกลางเมือง
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ อาคารศาลากลาง (Town Hall) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 - 18 ตกแต่งด้วยหอนาฬิกา และระเบียงที่สวยงาม
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองราเวนนา (Ravenna) (ระยะทาง 120 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง) ซึ่งอดีตเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท (Ostrogoth Kingdom) แต่ปัจจุบันได้กลายเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของมหาวิหารกระเบื้องโมเสค รวมไปถึงบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ในแบบเมืองเล็กๆของอิตาลีได้เป็นอย่างดี เนื่องเมืองราเวนนา เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ค่อนข้างเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งคริสต์ศาสนสถานสมัยคริสเตียนยุคแรก ที่ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 8 แห่ง ในปี 1996
นำท่านเข้าชม หอศีลจุ่มนีโอเนียน เป็นหนึ่งในคริสต์ศาสนสถานของโรมันคาทอลิก ที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่งในราเวนนาที่ก่อสร้างบนที่เดิมที่เป็นโรงอาบน้ำโรมัน (Roman bath) บางครั้งก็เรียกว่า “หอศีลจุ่มออร์โธด็อกซ์ ” หอศีลจุ่มนีโอเนียนนี้สร้างโดยสังฆราชเออร์ซัสในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ให้เป็นส่วนหนึ่งของบาซิลิกาใหญ่ที่ถูกทำลายไปในปี ค.ศ. 1734 หอสร้างเสร็จโดยบาทหลวงเนออนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 เมื่อมีการเริ่มตกแต่งด้วยโมเสก นำท่านเข้าชมความสวยงามของกระเบื้องโมเสค
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ รัฐอิสระซานมาริโน (San Marino) (ระยะทาง 82 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซานมารีโน และอีกชื่อหนึ่งคือ "'สาธารณรัฐอันสงบสุขยิ่งซานมารีโน"' เป็นประเทศในยุโรปใต้บนเทือกเขาแอเพนไนน์ ล้อมรอบโดยประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในจุลรัฐยุโรป
นำท่านเยือน Palazzo Pubblico ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างในแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ซึ่งมีความสวยงามมาก ที่เป็นจุดเด่นของศาลาว่าการแห่งนี้ก็คือ หอระฆัง ซึ่งมีการติดตั้งนาฬิกาเอาไว้ด้วย
จากนั้นเดินไปตาม ย่าน Avenue ที่นี่เป็นถนนสายหลักที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ชมอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่อาคารสำนักงานที่สร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความน่ารักสวยงามของเมืองซานมาริโน ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาไททาโน (Mt. Titano)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
Best Western Palace Hotel Sanmarino ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 4
ซานมาริโน - อาเรสโซ - มอนเตอริจจิโอนิ - เซียนา
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอาเรสโซ (Arezzo) (ระยะทาง 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) เมืองหน้าด่านยุคกลางอันรุ่งเรืองด้วยศิลปะเรเนอซองส์
นำท่านเยือน จัตุรัสใจกลางเมือง หรือ เปียซซ่าแกรนด์เด (Piazza Grande) บริเวณโดยรอบจัตุรัสล้อมรอบไปด้วยหมู่อาคารสวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็น พระราชวังเก่า อาคารสำนักงานของรัฐที่ยังคงความสวยงามของศิลปะเรเนอซองส์
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Duomo San Donato ซึ่งเป็นโบสถ์อายุกว่า 700 ปี สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13
ได้เวลานำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ ย่านเมืองเก่าแห่งอาเรสโซ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นอีกเมืองสวยที่หลบซ่อนในอิตาลี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นตามอัธยาศัย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมอนเตอริจจิโอนิ (Monteriggioni) (ระยะทาง 105 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชม.) อีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ยุคกลางที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองและกำแพงโบราณแห่งนี้ก็ยังคงความสมบูรณ์มาถึงปัจจุบัน นำท่านเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์อย่างดียิ่ง
จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสเปียซซ่า เดอ โรมา (Piazza di Roma) จัตุรัสใจกลางเมือง และแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์แซนตา มาเรีย อซันตา (Santa Maria Asunta Church) อันเป็นโบสถ์ประจำเมืองเก่าแห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและดื่มด่ำกับความสวยงามของเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นทัสกานี
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเซียนา (Siena) (ระยะทาง 20 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์เมืองเซียนายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก (Unesco) เมื่อปี ค.ศ. 1995
นำท่านชมความงดงามของ มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral) หรือ ดูโอโมดิเซียนา (Duomo di Siena) เป็นมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1215 -1263 โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมกอธิค และสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์
จากนั้นนำท่านชม เปียสซ่า เดล คัมโป (Piazza del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามและความสมบูรณ์ของงานสถาปัตยกรรมไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนหลายแห่ง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
Executive Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 5
เซียนา - ปิทิญาโน - โซราโน - อัสซีซี - เปรูเกีย
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปิทิญาโน (Pitigliano) (ระยะทาง 114 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี และเป็นเมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขนานนามวา “เยรูซาเลมน้อย” ตั้งอยู่บนสันเขาทูฟา (Tufa Hill) เป็นย่านเมืองของชาวยิวที่อพยพมาสร้างถิ่นฐานประมาณช่วงศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูป ณ จุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพเมืองโบราณที่สร้างบนหน้าผาเล็กๆแห่งสันเขาทูฟา
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็น Piazza Pietrucciolo และ Piazza Garibaldi อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเมืองโบราณยุคกลางอันแปลกตาอีกแห่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในสันเขาแห่งประเทศอิตาลี
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโซราโน (Sorano) เป็นเมืองและชุมชนในจังหวัดกลอสเซโต ทางตอนใต้ของแคว้นทัสกานี เป็นเมืองเนินโบราณยุคกลางที่ห้อยลงมาจากหินปอยที่อยู่เหนือแม่น้ำเลนเต้ นับเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่มีความสวยงามและติดอันดับเมืองเล็กที่น่ามาเยือน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัสซีซี (Assisi) (ระยะทาง 136 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเปรูเกีย แคว้นอุมเบรีย ทางตะวันตกของภูเขาซูบาซิโอ (Mt. Subasio) เมืองอัสซีซีเป็นเมืองเกิดของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะฟรันซิสกันในปี ค.ศ. 1208 และนักบุญกลาราแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะกลาริส และนักบุญกาเบรียลแห่งแม่พระในคริสต์ศตวรรษที่ 19
นำท่านชม มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีค.ศ. 2000 มหาวิหารแห่งนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นมหาวิหารสามชั้น ส่วนล่างเริ่มสร้างไม่นานหลังจากที่ฟรังซิสแห่งอัสซีซี ได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อปีค.ศ. 1228 - 1253 ส่วนจิตรกรรมฝาผนังโดย ชิมาบูเอ (Cimabue) และ จอตโต ดี บอนโดเนซึ่งจิตรกรผู้มีชื่อเสียง ชั้นบนมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นประวัติของฟรังซิสแห่งอัสซีซีโดยจอตโต ดี บอนโดเน นำท่านชมความสวยงามของมหาวิหารแห่งนี้
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเปรูเกีย (Perugia) เป็นเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นอุมเบลีย
นำท่านเดินเล่นบน ถนน Corso Vannucci ชื่อของถนนนี้ได้ตั้งมาจากจิตรกรพื้นเมืองชื่อ Pietro Vannucci (Perugino)
จากนั้นนำท่านชม จัตุรัส Piazza IV Novembre ตรงกลางลานมีน้ำพุ Fontana Maggiore ที่เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1275 โดย Nicola และ Giovanni Pisano จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับหมู่อาคารสวยงามกลางเมืองเช่น Palazzo dei Priori เป็นพระราชวังที่สร้างในยุคกลางตอนท้าย (ระหว่างศตวรรษที่ 13-14) ความยิ่งใหญ่ของกำแพงและ การออกแบบที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ ทำให้วังนี้ดูน่าเกรงขาม อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมืองยุคกลางอีกแห่งของแคว้นอุมเบลีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
Relais Dell Olmo Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 6
เปรูเกีย - สเปลโล - อัสโกลีปีเชโน - เพสการา
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสเปลโล (Spello) (ระยะทาง 32 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ใกล้กับเมืองเปรูเกีย และยังตั้งอยู่ในแคว้นอุมเบลีย พื้นที่ของเมืองครอบคลุมทั้งส่วนที่เป็นที่ราบและเนินเขา ผลิตภัณฑ์ของเมืองคือ น้ำมันมะกอก และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันของที่นี่จะมีความบริสุทธิ์มากจนได้ขึ้นชื่อว่า “City of oil” เมืองนี้จะมีเทศกาลดอกไม้และน้ำมันซึ่งจะจัดในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน และช่วง ธันวาคม-มกราคม โดยเฉพาะเทศกาลดอกไม้ Infiorate di Spello เป็นเทศกาลเก่าแก่ที่มีมานานมาก
นำท่านเที่ยวชม เมืองเก่า (Old Town) ซึ่งมีอาคารบ้านเรือนอายุกว่าร้อยปีสร้างลดหลั่นบนเนินเขา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่อาคารยุคโบราณได้ตามอัธยาศัย
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองอัสโกลีปีเชโน (Ascoli Piceno) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม เมืองอัสโกลี ปีเชโน ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นมาร์เก (Marche) เป็นเมืองที่ตั้งมานานมากก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะมาค้นพบ คาดว่าเมืองนี้ได้มีการก่อสร้างเมืองขึ้นตั้งแต่ปี 268 ก่อนคริสตกาล
นำท่านชมความเก่าแก่ของเมืองอัสโกลี ปีเชโน เยือน จัตุรัส Piazza del Popolo และ Piazza Aringo ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีหมู่อาคารบ้านเรือนโบราณและ เป็นที่ทำการของหน่วยงานรัฐบาลในปัจจุบัน
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเพสการา (Pescara) (ระยะทาง 92 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเพสการาในแคว้นอบรูซโซประเทศอิตาลี
นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติกรันซัสโซและมอนตีเดลลาลากา (The Gran Sasso and Monti della Laga National Park) นำท่านชมและแวะถ่ายภาพกับ ภูเขาคอร์โนกรันเด ซึ่งมีธารน้ำแข็งที่อยู่ใต้สุดของทวีปยุโรปที่มีชื่อว่า คัลเดโรเนที่ 2 ตั้งอยู่บริเวณนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปีนเขาและเดินทางไกลชมธรรมชาติ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพกับภูเขาคอร์โนกรันเด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภูเขาที่มีธารน้ำแข็งใต้สุดของทวีปยุโรปอีกด้วย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
Best Western Plaza Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 7
เพสการา - ลูซิรา - แมนเฟรโดเนีย - เมทารา
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูซิรา (Lucera) (ระยะทาง 190 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.15 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่สร้างขึ้นก่อนยุคกลาง ในปี 321 ก่อนคริสตกาล กองทัพโรมันโบราณได้ค้นพบเมืองนี้และเข้าใจว่าเป็นเมืองที่ถูกปกครองโดยชาวแซมไนท์ จึงได้ทำสงครามที่เรียกว่า Battle of the Caudine Forks ขึ้น เมืองนี้ได้ผ่านการปกครองหลายยุคสมัย แม้กระทั่งเคยถูกปกครองโดยชาวมุสลิมอีกด้วย
นำท่านเที่ยวชม เมืองเก่าแห่งลูซิรา ซึ่งมีโบสถ์ลูซิรา (Lucera Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมือง
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมทารา (Metara) (ระยะทาง 152 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นบาซีลีกาตา (Basilicata) หนึ่งใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี ตัวเมืองตั้งอยู่เหนือหุบเขาที่มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่าน เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวเมืองจะได้พบกับถนนสายเล็กๆที่ปูด้วยหิน ที่ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันแสนเก่าแก่ เป็นเมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองใต้ดิน หรือ เมืองมนุษย์ถ้ำ นั่นเอง จนกระทั่งในปี 1993 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก สำหรับนครถ้ำโบราณ Sassi di Matera เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 9,000 ปี นำท่านเที่ยวชมความสวยงามแปลกตาของนครถ้ำแห่งนี้ พร้อมเก็บภาพความสวยงามของลักษณะภูมิประเทศอันแปลกตาของเมืองนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโพเทนซ่า (Potenza) (ระยะทาง 100 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.15 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก
Park Hotel Potenza ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 8
โพเทนซ่า - เนเปิ้ล - คาแซร์ตา
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเนเปิ้ลส์ (Naples) (ระยะทาง 155 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.15 ชั่วโมง) หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี (Napoli) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเนเปิ้ลส์ (Province of Naples) และแคว้นกัมปาเนีย (Campania) แคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลีนั่นเองเมืองเนเปิ้ลส์ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลีติดกับอ่าวเนเปิ้ลส์ (Naples Bay) กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟสองแห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส และกัมปีเฟลเกรย์และยังเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เมืองเนเปิ้ลส์จึงถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยเฉพาะบริเวณใจกลางของเมืองเนเปิ้ลยังเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ (Unesco) ให้เป็นเมืองมรดกโลก ในปี ค.ศ.1995
นำท่านชมและถ่ายรูปกับ จัตุรัสเพิลบิสซิโต (Piazza del Plebiscito) หนึ่งในจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเนเปิ้ลส์ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณอ่าว ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าอาคารสถานที่ที่มีความสำคัญของเมือง
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกาแซร์ตา (Caserta) เมืองหลวงแห่งจังหวัดกาแซร์ตา แห่งแว้นคัมปาเนียของอิตาลี
นำท่านเข้าชม พระราชวังกาแซร์ตา (Palace of Caserta) เป็นอดีตพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์แห่งเนเปิลส์แห่งราชวงศ์บูร์บง ที่ตั้งอยู่ที่เมืองกาแซร์ตาในประเทศอิตาลี พระราชวังกาแซร์ตาเป็นหนึ่งในพระราชวังแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 18 พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะที่เป็นงานชิ้นเลิศของยุคบาโรก การก่อสร้างพระราชวังกาแซร์ตาเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1752 โดยพระเจ้าชาลส์ที่ 7 แห่งเนเปิลส์ ผู้ทรงทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกลุยจี วันวีเตลลี เมื่อทอดพระเนตรเห็นแบบจำลองสำหรับพระราชวัง พระเจ้าชาลส์ก็ทรงพอพระทัยมาก แต่พระองค์ก็มิได้มีโอกาสที่จะได้บรรทมในพระราชวังแม้แต่เพียงคืนเดียว พระเจ้าชาลส์ทรงสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1759 เพื่อไปเป็นพระมหากษัตริย์สเปน การก่อสร้างดำเนินต่อมาโดยพระราชโอรสองค์ที่สามและผู้ครองเนเปิลส์ต่อมาคือพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่แหล่ง ช้อปปิ้งเอาท์เลตขนาดใหญ่ใกล้กรุงโรม (Castel Romano Designer Outlet) ช้อปปิ้งเอาท์เลตที่รวมเอาแบรนด์สินค้าจากดีไซน์เนอร์ชั้นนำมาลดราคาตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่างๆได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ
***อิสระอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาช้อปปิ้งที่เอาท์เลต***
ที่พัก
IH Roma Z3 Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 9
โรม - โคลอสเซียม - โรมันฟอรัม
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ในโรงแรม
นำท่านถ่ายรูปกับ โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาราจักรโรมันและสร้างเสร็จในสมัยจักรพรรดิติตัส (Titus) สามารถจุคนกว่า 50,000 คน
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ โรมันฟอรัม (Roman Forum) ตั้งอยู่ระหว่างเนินพาเลติเน (Palatine hill) กับเนินแคปิโตลิเน (Capitoline hill) ปัจจุบันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่บ่งบอกถึงพลังอำนาจของจักรพรรดิและกองทัพอันน่า เกรงขามในยุคโบราณ สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
11.00 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินฟูมิชิโน (FCO) เพื่อเช็คอินและทำ Tax Refund
13.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร (บินตรง) โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 931 เวลาบินประมาณ 11.35 ชั่วโมง (บริการอาหารเครื่องดื่มและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
06.05 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ