เดินทางถึง เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก (Denmark) เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของยุโรปก่อตั้งมาราวศตวรรษที่ 10 และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ได้รับฉายาว่าเป็น “สวรรค์แห่งเมืองท่า และดินแดนแห่งเทพนิยายรักอมตะ” เมืองนี้เป็นแรงบัลดาลใจและหล่อหลอมกวีระดับโลกฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์แซน (Hans Christian Andersen) ผู้สร้างสรรค์นิยาย เจ้าหญิงเงือกน้อย หนูน้อยผู้ขายไม้ขีดไฟ ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก
นำท่านเดินทางสู่ น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (Gefion Fountain) เป็นน้ำพุขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตา คล้ายธารน้ำตกที่ไหลริน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าท่าเรือเมืองโคเปนเฮเกน มีตำนานเล่าว่าราชินีเกฟิออนได้รับมอบหมายจากเทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ให้กอบกู้ชาติบ้านเมือง พระนางจึงให้พระโอรสทั้งสี่ของพระองค์แปลงกายเป็นพระโค เพื่อช่วยกันไถพื้นดินจนกลายเป็นแผ่นดินเมืองเดนมาร์กในปัจจุบัน ต่อมาชาวเดนนิชก็ได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระนางและพระโอรสทั้งสี่พระองค์ไว้เพื่อเป็นเกียรติและเพื่อเป็นการระลึกถึง
นำท่านเดินทางสู่ รูปปั้นเงือกน้อย หรือ ลิตเติ้ล เมอร์เมด (The Little Mermaid) ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือริมอ่าวโคเปนเฮเกน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญแก่เมืองโคเปนเฮเกน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2456 โดย คาร์ล จาค็อบเซน บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ได้มีความประทับใจจากการดูบัลเล่ต์ เรื่อง The Little Mermaid ผลงานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน เป็นอย่างมาก จึงว่าจ้างศิลปินชาวเดนมาร์กชื่อ เอ็ดวาร์ด อีริกเซน มาปั้นรูปเงือกน้อยนี้ โดยนำแบบใบหน้ามาจากนักเต้นบัลเลต์ชื่อ เอลเลน ไพรซ์ ส่วนร่างกายที่เป็นหญิงเปลือยนำแบบมาจากภรรยาของตัวเขาเอง รูปปั้นเงือกน้อยนี้นั่งอยู่บนก้อนหิน มีขนาดความสูงประมาณ 1.25 เมตร น้ำหนักประมาณ 175 กิโลกรัม บริเวณรอบๆ มีสวน Langelinie จะได้สัมผัสกับความผ่อนคลาย ฟังเสียงร้องของนกนางนวลและชมเรือสำราญที่จอดเทียบท่าอยู่ และที่นี่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนมาเที่ยว เพื่อเก็บภาพคู่กับรูปปั้นเงือกน้อยนับเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
นำท่าน ผ่านชม พระราชวังคริสเตียนบอร์ก (Christiansborg Palace) ในอดีตพระราชวังคริสเตียนบอร์กคือพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชสันตติวงศ์ในสมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 แห่งประเทศเดนมาร์ก แต่ ณ ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการรัฐสภา โดยเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในโลกที่มี 3 หน่วยงานราชการในที่แห่งเดียวกัน นั่นคือ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ แต่บางส่วนของที่นี่ก็ยังคงถูกใช้สำหรับพระราชวงศ์เดนมาร์ก เช่น ห้องรับแขกของราชวงศ์ เป็นต้น รวมทั้งบางส่วนยังเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้ามาชม
นำท่าน ผ่านชม พระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ประทับของบรรดาเหล่าพระราชวงศ์เดนมาร์ก นอกจากจะได้ชมสถาปัตยกรรมอันงดงามภายนอกสไตล์ร็อกโคโคแล้ว ด้านหน้าของพระราชวังจะมีการเปลี่ยนทหารยามหน้าวังทุกวัน พระราชวังตั้งอยู่ริมน้ำทางเหนือของตัวเมืองโคเปนเฮเกน สร้างขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเฉลิมฉลองวาระการครบรอบ 300 ปี ของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก และใช้เป็นที่พำนักของเหล่าราชวงศ์ 4 ครอบครัว หลังจากที่พระราชวังคริสเตียนบอร์กถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1794 ทางพระราชวงศ์เดนมาร์กจึงได้ขอซื้อพระราชวังแห่งนี้ไว้ และได้ย้ายเข้ามาอาศัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กษัตริย์ พระราชินี และบุตรของราชวงศ์ได้อาศัยอยู่ภายในพระราชวังแห่งนี้ทั้ง 4 อาคาร ตั้งโดดเด่นเป็นศูนย์กลางที่งดงามมากที่สุดในทวีปยุโรป แม้รูปลักษณ์ภายนอกของพระราชวังทั้ง 4 มีลักษณะที่เหมือนกัน แต่ภายในพระราชวังแต่ละอาคารได้ถูกตกแต่งต่างกันไปตามรสนิยมของผู้อาศัยเดิม แต่ละห้องได้ตกแต่งอย่างหรูหราที่สุด ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ยังคงใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 และราชวงศ์เดนมาร์กอยู่ ซึ่งบางส่วนของพระราชวังเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้ามาชม และยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กจัดแสดงงานศิลปะ ภาพเขียน เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับอัญมณี สิ่งประดิษฐ์อื่นๆ และเอกสารทางประวัติศาสตร์ ที่มีการเก็บรวบรวมในช่วงเวลา 400 ปีเลยทีเดียว และยังมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังทั้ง 4 หลัง ซึ่งว่ากันว่า เป็นรูปปั้นทรงม้าที่สวยงามที่สุดของโลกอีกด้วย
นำท่าน ผ่านชม พระราชวังโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Palace) เป็นพระราชวังที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบดัตช์เรอเนสซองส์ สร้างในสมัยพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่พระองค์ภาคภูมิใจ เพราะนอกจากความงามของตัวตึกภายนอกและภายในที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยวัตถุที่ล้ำค่ามากมายแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ในบริเวณชั้นใต้ดิน ใช้เป็นที่เก็บเครื่องเพชร มหามงกุฎ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของราชวงศ์เดนมาร์กอีกด้วย ซึ่งในอดีตพระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์ใช้ในการพำนักพักร้อนของเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น ทั้งยังเคยถูกวางเพลิงจากกองทัพอังกฤษถึง 2 ครั้งในปี 1794 และปี 1801 ต่อมาราชวงศ์เดนมาร์ก ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ให้สวยงามดั่งปัจจุบัน
นำท่านเดินทางสู่ ถนนสตรอยก์เกท (Stroget Shopping Street) ถนนช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในโลกเริ่มจาก ศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกน (City Hall of Copenhagen) คำว่า “สตรอยก์เยท” ได้ถูกตั้งเป็นชื่อเล่นของถนนคนเดินแห่งนี้ ซึ่งแปลว่า การเดินเล่น โดยใช้ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา ครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade , Nygade , Vimmelskaftet และ Stergade โดยมีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตร ถนนสตรอยก์เยทถูกประกาศให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ตั้งแต่ปี 1962 แต่ในช่วงแรก เจ้าของกิจการหลายรายไม่เห็นด้วยกับการปิดถนน เพราะเกรงจะเป็นผลเสียต่อธุรกิจ แต่ทำให้ทุกวันนี้ผู้คนได้เดินอย่างสนุกและสะดวกสบาย ที่นี่คึกคักไปด้วยผู้คนประมาณแสนคนต่อวัน เรียงรายไปด้วยร้านค้าที่มีคุณภาพ มีตั้งแต่สินค้าราคาถูกไปจนถึงสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก อาทิ หลุยส์วิตตอง , ชาแนล , ร้านนาฬิกาหรูแบรนด์ดังจากสวิสฯ , พอร์ซเลน เป็นต้น มีร้านอาหารมากมาย แถมยังมีนักดนตรีริมทางที่มาช่วยบรรเลงเพลงให้ความบันเทิงระหว่างเดินเล่น นอกจากนี้เมืองโคเปนเฮเกน ได้รับการขนานนามจากคนทั่วโลกว่าเป็นเมืองจักรยาน ประชากรเกินครึ่งใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทาง เหตุผลสำคัญคือรัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนสุขภาพแข็งแรง และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม จึงออกแบบผังเมือง เพื่อรองรับนักปั่นและคนเดินเท้า ให้ได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด